เมื่อพูดถึงการพิมพ์ 3 มิติ คุณอาจนึกถึงการวางซ้อนเส้นใยพลาสติกก่อนเป็นอันดับแรก แต่ยังมีเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติด้วยเลเซอร์ที่เรียกว่า สเตอริโอไลโธกราฟี (SLA) ซึ่งใช้การสแกนด้วยกาลวานอมิเตอร์ความเร็วสูง ที่สามารถสร้างโมเดลละเอียดอ่อนได้ราวกับ "แกะสลักด้วยแสง"
ติดต่อเราเมื่อพูดถึงการพิมพ์ 3 มิติ คุณอาจนึกถึงการวางซ้อนเส้นพลาสติกก่อนเป็นอย่างแรก แต่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติด้วยเลเซอร์แบบสเตอริโอลิโทกราฟี (SLA) ที่ใช้การสแกนด้วยกาลวานอมิเตอร์ความเร็วสูง ซึ่งสามารถสร้างโมเดลที่ละเอียดอ่อนได้ราวกับ "ปั้นด้วยแสง" ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงข้อบกพร่องแบบ "หัวไม้ขีด" เทคโนโลยีนี้สร้างสมดุลระหว่างความแม่นยำสูงและประสิทธิภาพได้อย่างไร
|
|
|
|
การพิมพ์สามมิติด้วยเลเซอร์บนไฟเบอร์คาร์บอน |
ต่างจากโมเดลการพิมพ์แบบฉีดวัสดุ (FDM) ทั่วไป ซึ่งสร้างชิ้นงานโดยการวางเส้นใยพลาสติกที่หลอมละลายทับกันเป็นชั้นๆ SLA ใช้เรซินไวแสงในรูปของเหลว โดยเลเซอร์อัลตราไวโอเลตจะทำให้เรซินแข็งตัวในจุดที่ถูกฉายรังสี และระบบแกนวานอมิเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือน "ปากกาแสง" จะควบคุมทิศทางของเลเซอร์เพื่อวาดโครงร่างแต่ละชั้น จากนั้นนำชั้นต่างๆ มาซ้อนกันเป็นรูปทรงสามมิติ แกนวานอมิเตอร์ความเร็วสูงและระบบควบคุมอัจฉริยะคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เลเซอร์สามารถ "วาดได้เร็วและแม่นยำ"
แกนวานอมิเตอร์คือ "ผู้นำทางระดับความแม่นยำสูง" ของการพิมพ์ 3 มิติด้วยลำเลเซอร์ ประกอบด้วยกระจกและมอเตอร์สแกน ทำหน้าที่ควบคุมลำเลเซอร์ให้สแกนอย่างรวดเร็วในแนวแกน X และ Y ซึ่งมีความเร็วและความเสถียรมากกว่าแท่นเคลื่อนที่แบบ XY ในยุคแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อทำงานที่ความเร็วสูง แกนวานอมิเตอร์อาจเกิดอาการหน่วง เช่น การ "กลมมุม" และการเปลี่ยนความเร็วอาจทำให้เรซินแข็งตัวไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ "หัวไม้ขีด"
วิธีแก้ปัญหาคือการเพิ่มระบบที่ควบคุมอัจฉริยะเข้าไปในแกนวานอมิเตอร์:
ปัจจุบันเทคโนโลยี SLA สามารถพิมพ์โมเดลที่มีรายละเอียดสูง ตั้งแต่โมเดลทันตกรรมขนาดเล็กไปจนถึงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และถูกใช้งานในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ การทำต้นแบบเชิงอุตสาหกรรม และการฟื้นฟูทางการแพทย์ มันไม่ใช่เพียงแค่ "การซ้อนทับวัสดุ" แต่เป็น "การแกะสลักรายละเอียดด้วยแสงและอัลกอริทึม" ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูงและเป็นส่วนตัวมากขึ้นในอนาคต